เมนู

นำ " จึงพาท่านเข้าไปเฝ้าพระศาสดาในเวลาเย็น แล้วกราบทูลความเป็น
ไปนั้นทั้งหมดว่า " ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ภิกษุนี้เป็นสัทธิวิหาริกของ
ข้าพระองค์, ข้าพระองค์ให้กัมมัฏฐานชื่อนี้แก่ภิกษุนี้ ด้วยเหตุนี้."

พระศาสดาประทานกัมมัฏฐานที่เหมาะแก่ภิกษุนั้น


ครั้งนั้น พระศาสดาตรัสกะพระเถระนั้นว่า " ชื่อว่าอาสยานุสยญาณ
นั่น ย่อมมีแก่พระพุทธเจ้าทั้งหลาย ผู้บำเพ็ญบารมีแล้ว ยังหมื่นโลกธาตุ
ให้บันลือแล้ว ถึงความเป็นพระสัพพัญญูนั่นแล" แล้วทรงรำพึงอยู่ว่า
" ภิกษุนี้บวชจากสกุลไหนหนอแล ?" ทรงทราบว่า " จากสกุลช่างทอง,
ทรงพิจารณาอัตภาพที่ล่วงมาแล้ว ทรงเห็นอัตภาพ 500 ของภิกษุนั้น
อันเกิดโดยลำดับเฉพาะในสกุลช่างทอง แล้วทรงดำริว่า " ภิกษุหนุ่มนี้
ทำหน้าที่ช่างทองอยู่ตลอดกาลนาน หลอมแต่ทองมีสีสุกอย่างเดียว ด้วย
คิดว่า ' เราจักทำให้เป็นดอกกรรณิการ์และดอกปทุมเป็นต้น. อสุภปฏิกูล
กัมมัฏฐานไม่เหมาะแก่ภิกษุหนุ่มนี้, กัมมัฏฐานที่พอใจเท่านั้น จึงจะเป็น
กัมมัฏฐานที่สบายแก่เธอ" จึงตรัสว่า " สารีบุตร เธอจักเห็นภิกษุที่เธอ
ให้กัมมัฏฐาน ลำบากแล้วตลอด 4 เดือน บรรลุพระอรหัตในภายหลังภัต
ในวันนี้นั่นแหละ เธอไปเถิด" ดังนี้แล้ว ทรงส่งพระเถระไป ทรง
นิรมิตดอกปทุมทอง ประมาณเท่าจักรด้วยพระฤทธิ์ แล้วทรงทำให้
เป็นเหมือนหลั่งหยาดน้ำจากใบและก้าน แล้วได้ประทานให้ด้วยพระดำรัส
ว่า " เอาเถิด ภิกษุ เธอจงถือเอาดอกปทุมนี้ไปวางไว้ที่กองทรายที่ท้าย
วิหาร นั่งขัดสมาธิในที่ตรงหน้า แล้วทำบริกรรมว่า 'โลหิตกํ โลหิตกํ '
(สีแดง สีแดง). เมื่อภิกษุนั้นรับดอกปทุมจากพระหัตถ์ของพระศาสดาเท่า
นั้น, จิตก็เลื่อมใสแล้ว, ท่านไปยังท้ายวิหารพูนทรายขึ้นแล้ว เสียบก้าน

ดอกปทุมที่กองทรายนั่นแล้ว นั่งขัดสมาธิในที่ตรงหน้า เริ่มบริกรรมว่า
" โลหิตกํ โลหิตกํ."

ภิกษุนั้นสำเร็จคุณวิเศษ


ครั้งนั้น นิวรณ์ทั้งหลายของท่านระงับแล้วในขณะนั้นนั่นเอง อุป-
จารฌานเกิดแล้ว. ท่านยังปฐมฌานให้เกิดขึ้น ในลำดับแห่งอุปจารฌาน
นั้น ให้ถึงความเป็นผู้ชำนาญโดยอาการ1 5 นั่งอยู่ตามเดิมเทียว บรรลุ
ฌานทั้งหลายมีทุติยฌานเป็นต้นแล้ว นั่งเล่นฌานในจตุตถฌานที่ชำนาญ
อยู่.
พระศาสดา ทรงทราบว่าฌานทั้งหลายเกิดขึ้นแก่ภิกษุนั้นแล้ว ทรง
พิจารณาดูว่า " ภิกษุนี่จักอาจเพื่อยังคุณวิเศษอันยิ่งให้เกิดขึ้นตามธรรมดา
ของตนหรือหนอ ?" ทรงทราบว่า ' จักไม่อาจ ' แล้วทรงอธิษฐานว่า
" ขอดอกปทุมนั้นจงเหี่ยวแห้งไป" ดอกปทุมนั้นได้เหี่ยวแห้งมีสีดำ เหมือน
ดอกปทุมที่ถูกขยี้ด้วยมือฉะนั้น. ภิกษุนั้นออกจากฌานแล้ว แลดูดอกปทุม
นั้น เห็นอนิจจลักษณะว่า " ทำไมหนอแล ดอกปทุมนี้ถูกชรากระทบ
แล้วจึงปรากฏได้, แม้เมื่ออนุปาทินนกสังขารอันชรายังครอบงำได้อย่างนี้,
ในอุปาทินนกสังขารก็ไม่จำต้องพูดถึง, อันชราคงจักครอบงำอุปาทินนก-
สังขารแม้นี้." ก็ครั้นอนิจจลักษณะนั้น อันท่านเห็นแล้ว, ทุกขลักษณะและ
อนัตตลักษณะก็ย่อมเป็นอันเห็นแล้วเหมือนกัน. ภพ 3 ปรากฏแล้วแก่
ท่านดุจไฟติดทั่วแล้ว และดุจซากศพอันบุคคลผูกไว้ที่คอ.
ในขณะนั้น พวกเด็กลงสู่สระแห่งหนึ่ง ในที่ไม่ไกลภิกษุนั้น เด็ด
1. อาการ 5 คือ อาวัชชนะ การนึก, สมาปัชชนะ การเข้า, วุฏฐานะ การออก, อธิฏฐานะ
การตั้งใจปรารถนา, ปัจจเวกขณะ การพิจารณา.